โพสต์แนะนำ

Gallery

หน้าเว็บ

ปรับฮวงจุ้ยห้องนอนเพื่อดึงดูดโชคดี ความรักดี ๆ และสุขภาพที่ดี

ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์และศิลป์ของจีนโบราณ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากความสามารถในการประสานและเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของพลังงานภายในพื้นที่ และห้องนอนเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เราสามารถนำศาสตร์ฮวงจุ้ยมาปรับใช้เพื่อให้เกิดการสร้างพลังงานบวกที่เสริมชีวิตเราโดยไม่แพ้ห้องอื่น ๆ 

การนำหลักฮวงจุ้ยมาใช้กับห้องนอน เป็นหนึ่งวิธีที่ง่ายและทรงพลัง เพราะคุณสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดความโชคดี เสริมความรักและความสัมพันธ์ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีได้ด้วยตัวเองในทุก ๆ คืนที่คุณนอนหลับ ในบทความนี้ เราจะนำเสนอแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ของฮวงจุ้ยที่สามารถช่วยให้คุณควบคุมพลังงานด้านบวกในห้องนอนของคุณเพื่อชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น



ภาพประกอบ จาก Freepik


1.อย่าปล่อยให้ห้องนอนรกเด็ดขาด 

เริ่มด้วยการจัดห้องนอนให้โล่งเพื่อให้พลังงานไหลเวียนได้อย่างอิสระ นำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออก โดยเฉพาะใต้เตียง เนื่องจากอาจรบกวนพลังงานและส่งผลต่อการนอนหลับของคุณ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายด้วยสีที่ให้ความรู้สึกสงบ เช่น สีฟ้าอ่อนหรือสีเอิร์ธโทนอ่อนๆ และใช้แสงที่นุ่มนวลเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย


2. ปรับตำแหน่งเตียงให้เหมาะสม

การวางเตียงมีบทบาทสำคัญในฮวงจุ้ย จัดตำแหน่งเตียงของคุณใน "ตำแหน่งบังคับบัญชา" ซึ่งหมายถึงการมองประตูได้ชัดเจนโดยไม่ต้องอยู่ในแนวเดียวกัน ตำแหน่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความปลอดภัย และความรู้สึกของการควบคุมชีวิตของคุณ หากใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับความไม่มั่นใจ ไม่เด็ดเดี่ยว ไม่เด็ดขาด ไม่กล้าตัดสินใจ ลองปรับตำแหน่งเตียงดูก็อาจจะช่วยส่งเสริมพลังงานบวกได้ 


3. สมดุลพลังงานหยินและหยาง

ปรับสมดุลของพลังหยินและหยางในห้องนอนของคุณด้วยการผสมผสานองค์ประกอบของชายและหญิง โดยเลือกหัวเตียงที่มีความแข็งแรงและมีการรองรับน้ำหนักตัวได้ดี ไม่โครงเครง (พลังงานของเพศชาย) และจัดสมดุลด้วยชุดเครื่องนอนที่นุ่มและเย้ายวนใจ (พลังงานของเพศหญิง) สิ่งนี้จะช่วยสร้างความกลมกลืนและส่งเสริมการไหลเวียนของพลังงานที่สมดุล


4. เสริมความรักและความโรแมนติก

เพื่อดึงดูดความรักและกระชับความสัมพันธ์ของคุณ ให้รวมองค์ประกอบที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักไว้ในห้องนอนของคุณโดยอาจจะวางสิ่งของที่เป็นคู่ เช่น เทียน ของตกแต่ง หรือโต๊ะข้างเตียง เพื่อส่งเสริมความรู้สึกเป็นหุ้นส่วนและความเท่าเทียมกัน หลีกเลี่ยงสิ่งของชิ้นเดียวหรือภาพที่โดดเดี่ยว เนื่องจากอาจเป็นสัญลักษณ์ของความสันโดษหรือการอยู่คนเดียว


5. ประสานสีและองค์ประกอบ

ใช้ธาตุทั้งห้าของฮวงจุ้ย ได้แก่ ไม้ ไฟ ดิน ทอง และน้ำ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่กลมกลืนกัน ใช้สีและวัสดุที่เข้ากับแต่ละธาตุ เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้สำหรับธาตุไม้ เทียนหรือไฟสำหรับธาตุไฟ สีเอิร์ธโทนสำหรับธาตุดิน ของตกแต่งสีทองสำหรับธาตุทอง และของตกแต่งที่มีน้ำขนาดเล็กสำหรับธาตุน้ำ ความสมดุลขององค์ประกอบเหล่านี้ส่งเสริมการไหลเวียนของพลังงานในเชิงบวกและสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ


6. ส่งเสริมสุขภาพที่ดี

เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ให้แน่ใจว่ามีการไหลเวียนของอากาศและการระบายอากาศที่เหมาะสมในห้องนอนของคุณ รักษาพื้นที่ให้สะอาดปราศจากฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ อาจจะนำต้นไม้ขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศมาวาง เพื่อเพิ่มคุณภาพของอากาศที่คุณหายใจ


7. วางอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ไว้ให้ห่างจากเตียงหรือหัวเตียงนอน

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปล่อยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถรบกวนพลังงานในห้องนอนของคุณและรบกวนการนอนหลับ วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ห่างจากเตียงของคุณ หรืออาจลดจำนวนสิ่งของเหล่านี้ในพื้นที่ห้องนอน หากเป็นไปได้ ไม่ควรมีอุปกรณ์เหล่านี้ในห้องนอน เพิ่มการผ่อนคลายและทำให้คุณได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น


ภาพประกอบ จาก Freepik


การนำหลักฮวงจุ้ยมาใช้ในห้องนอนของคุณ จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและช่วยปรับสมดุลพลังงานห้องและพลังงานของผู้นอน ทั้งยังเป็นการดึงดูดพลังด้านบวก ความโชคดี ความรัก และสุขภาพที่ดีให้แก่เจ้าของห้องได้ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามหลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นเพียงคำแนะนำทั่วไป สิ่งสำคัญกว่าคือการเลือกสิ่งต่าง ๆ ให้เข้ากับความต้องการและความชอบเฉพาะของคุณ เพราะหากคุณนำหลักการใด ๆ มาใช้แต่ไม่ตรงกับความชื่นชอบส่วนตัว พลังแห่งความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็สามารถบั่นทอนพลังงานดีได้เช่นกัน



#ฮวงจุ้ย #แต่งห้องนอน #แต่งห้อง #ห้องนอน



เคล็ดลับการจัดห้องให้น่าอยู่

 


    การตกแต่งห้องขนาดเล็กอาจไม่ง่ายนัก เพราะเราต้องใช้พื้นที่แทบทุกตารางนิ้วจนไม่รู้จะจัดให้ห้องดูน่าอยู่ได้อย่างไร แต่แอดมินก็เชื่อว่าเราก็คงอยากนอนหลับพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและมีสไตล์ บทความนี้จึงนำเคล็ดลับ 10 ข้อที่จะช่วยให้คุณตกแต่งห้องขนาดเล็กได้อย่างมืออาชีพ


ภาพประกอบจาก Freepik


1. เลือกโทนสีอ่อน: สีอ่อนทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งสบาย เลือกใช้เฉดสีกลางๆ เช่น สีขาว สีเบจ หรือสีเทาอ่อนสำหรับผนัง เพดาน และพื้น

2. ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบอเนกประสงค์: หากเป็นไปได้ ใช้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบสนองการใช้งานมากกว่าหนึ่งอย่าง เช่น เตียงโซฟา (Sofa bed), โต๊ะทำงานแบบพับได้ที่มีรูปลักษณ์ทันสมัย, ราวแขวนผ้าพับเก็บได้

3. ใช้กระจกเงาบานใหญ่ช่วย: กระจกสร้างภาพลวงตาของพื้นที่ ดังนั้นใช้วางหรือติดผนังจะช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น

4. แต่งห้องแบบมินิมอล: อย่าซื้อของจุกจิกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ไม่จำเป็นเข้าห้องหรือตกแต่งให้ดูเรียบง่ายและน้อยชิ้น จำกัดจำนวนของตกแต่งและใช้อุปกรณ์ตกแต่งน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ห้องดูรก




ภาพประกอบ จาก Freepik

5. ใช้พื้นที่ในแนวตั้ง: ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในแนวตั้งด้วยการติดตั้งชั้นลอย ตู้ติดผนัง หรือต้นไม้แขวน วิธีนี้จะเพิ่มพื้นที่ว่างบนพื้นและทำให้ห้องรู้สึกคับแคบน้อยลง

6. ใช้เทคนิคการจัดแสง: การจัดแสงที่เหมาะสมจะทำให้ห้องขนาดเล็กรู้สึกกว้างขวางและสบายขึ้น เปิดม่านในตอนกลางวัน จะช่วยทำให้ห้องดูสว่างและน่าอยู่มากขึ้น

7. พื้นผิววัสดุของใช้ก็มีส่วนช่วยได้: แม้แต่การเลือกพื้นผิวของหมอนอิง ผ้าห่ม พรม หรือผ้าม่าน สิ่งเหล่านี้ก็สามารถจะทำให้ห้องดูอบอุ่นและน่าอยู่ยิ่งขึ้นได้นะ

8. เลือกขนาดเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่หรือใหญ่เกินไป เพราะจะกินพื้นที่อันมีค่า ให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับห้องของคุณแทน




ภาพประกอบ จาก Freepik

9. สร้างจุดโฟกัส: ใช้ชิ้นงานศิลปะที่โดดเด่น พรมสีสันสดใส หรือวอลเปเปอร์ที่โดดเด่นเพื่อสร้างจุดโฟกัสในห้องเล็กๆ ของคุณ วิธีนี้จะเบี่ยงเบนความสนใจจากขนาดของห้องและทำให้ห้องดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

10. อย่าลืมเกี่ยวกับที่เก็บของ: ที่เก็บของเป็นสิ่งสำคัญในห้องเล็กๆ ดังนั้นควรเลือกโซลูชันที่เก็บของที่ช่วยลดพื้้นที่การใช้งานได้ดี เช่น ที่เก็บของใต้เตียง ที่แขวนสิ่งของหรือเสื้อผ้าที่จัดระเบียบได้ 


    การตกแต่งห้องขนาดเล็กอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ด้วยเคล็ดลับ 10 ข้อเหล่านี้ คุณจะสามารถสร้างพื้นที่ให้ดูสวยงามและใช้งานได้จริงซึ่งจะช่วยให้ความรู้สึกอบอุ่นและน่าอยู่ อย่าลืมเลือกใช้สีอ่อน และใช้พื้นที่แนวตั้งเพื่อเพิ่มศักยภาพของห้องขนาดเล็กของคุณ แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากเตือนชาวอพาร์ทเมนท์หรือคอนโดว่าในการแต่งห้อง ต้องไม่ลืมเช็คกฎระเบียบที่ระบุเอาไว้ในสัญญาเช่าด้วยนะ ไม่อย่างนั้นตอนย้ายออกอาจมีค่าปรับที่เราไม่ทำตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ก็ได้ 



#จัดห้อง #แต่งห้อง #ห้องขนาดเล็ก #แต่งห้องมินิมอล #แต่งห้องคุมโทน #แต่งห้องให้ดูสว่าง


10 วิธีทำให้ห้องน้ำของคุณสะอาดตลอดเวลา

 ห้องน้ำเป็นหนึ่งในห้องที่ใช้บ่อยที่สุดในบ้าน และยังเป็นห้องที่ท้าทายที่สุดในการดูแลให้สะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ มันสามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียและเชื้อราได้ ทำให้การรักษาสุขอนามัยที่ดีเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้อยู่อาศัย ในบทความนี้ เราจะมาบอก 10 วิธีในการทำให้ห้องน้ำของคุณสะอาดตลอดเวลา


ภาพประกอบ จาก Freepik


1. เช็ดพื้นผิวทุกวัน: ใช้ผ้าชุบน้ำหรือน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดเพื่อทำความสะอาดพื้นผิวในห้องน้ำของคุณทุกวัน ซึ่งรวมถึงอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ฝักบัว และอ่างอาบน้ำ วิธีนี้จะช่วยป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกได้แต่อาจต้องอาศัยความขยันหน่อย


2. ใช้น้ำยาทำความสะอาดฝักบัว: การใช้น้ำยาทำความสะอาดฝักบัวทุกสัปดาห์เป็นอย่างต่ำ จะช่วยป้องกันการสะสมของคราบเชื้อราได้ เพียงฉีดสเปรย์หลังอาบน้ำทิ้งไว้ โดยคุณอาจต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่แรงจนเกินไปเพราะอาจจะทำร้ายพื้นผิวของฝักบัวได้


3.ทำความสะอาดของห้องน้ำ: ใช้แปรงขัดห้องน้ำและน้ำยาทำความสะอาดเพื่อให้โถสุขภัณฑ์สะอาดอยู่เสมอ ควรทำความสะอาดด้านนอกของชักโครกด้วย เพราะจุดนี้มักถูกมองข้ามทั้ง ๆ ที่ก็มีความสกปรกแอบแฝงอยู่


4. ขจัดคราบสบู่หรือคราบน้ำที่ประตูห้องอาบน้ำ: หลังจากอาบน้ำทุกครั้ง อย่าลืมขจัดน้ำส่วนเกินออกจากประตูห้องอาบน้ำ วิธีนี้จะช่วยป้องกันคราบน้ำและการสะสมของคราบสบู่


5. จัดถังขยะไว้ในห้องน้ำ: การมีถังขยะในห้องน้ำจะช่วยให้ทิ้งสิ่งของต่าง ๆ เช่น ทิชชู่หรือสำลีก้านได้ง่าย ทั้งยังเป็นการจัดระเบียบนิสัยเราไม่ให้ทิ้งขยะไว้ตามจุดต่าง ๆ ด้วย


6. มีผ้าเช็ดเท้าแบบบางไว้ในห้องน้ำ: วิธีนี้จะช่วยป้องกันน้ำไม่ให้นองพื้น และให้เราเช็ดเท้าให้แห้งก่อนเดินไปมาในห้องน้ำ แต่อย่าลืมเลือกผ้าเช็ดเท้าที่มีผิวสัมผัสที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการลื่นล้มได้


7. ใช้พัดลมหรือเปิดหน้าต่าง: เพื่อป้องกันความชื้นสะสม อาจติดพัดลมระบายหรือเปิดหน้าต่าง หรือ ประตูห้องน้ำหลังอาบน้ำ


8. เปลี่ยนผ้าเช็ดมือในห้องน้ำบ่อย ๆ : ควรเลือกผ้าเช็ดมือที่ไม่หนาจนเกินไป วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้เหม็นอับและช่วยป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย 


9. ทำความสะอาดม่านอาบน้ำของคุณ: หากคุณมีม่านอาบน้ำ อย่าลืมทำความสะอาดเป็นประจำ คุณสามารถซักในเครื่องซักผ้าหรือใช้ผ้าหมาดเช็ดก็ได้


10. จัดระเบียบ: การมีห้องน้ำที่เป็นระเบียบจะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ใช้ภาชนะจัดเก็บเพื่อจัดเก็บสิ่งของต่างๆ เช่น เครื่องใช้ในห้องน้ำและอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เป็นระเบียบ


ภาพประกอบ จาก Freepik




การดูแลห้องน้ำให้สะอาดอาจดูเหมือนเป็นงานที่จุกจิกเกินไป แต่หากคุณลองเอาวิธีที่เราแนะนำไปใช้ อาจทำวันเว้นวันหรืออาทิตย์ละครั้งก็จะช่วยให้ห้องน้ำของคุณสะอาด ดูมีสุขอนามัยที่น่าใช้อยู่เสมอ ห้องน้ำเป็นส่วนที่สกปรกได้ง่าย หากไม่ทำความสะอาดและปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้คราบสกปรกฝังแน่นและทำความสะอาดยาก อย่าลืมเอาเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้หรือแชร์ให้เพื่อนของคุณได้รู้กันด้วยนะ 



#แต่งห้องน้ำ #ห้องน้ำ #วิธีดูแลห้องน้ำ #เคล็ดลับการทำความสะอาด 


Tips : รู้ไว้ใช่ว่า เครื่องใช้ไฟฟ้ากับการใช้กำลังไฟ

  

ช่วงนี้ร้อนจนเหมือนโลกกำลังจะละลายแล้ว หลาย ๆ คนต้องเปิดแอร์เปิดพัดลมช่วยคลายความร้อน แต่ไม่ใช่แค่เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าสองชนิดนี้ที่ถูกใช้งานมากเป็นพิเศษ เพราะอากาศที่ร้อนจะทำให้เราเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยครั้งขึ้นด้วยเช่นกัน 

รู้ไหมว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรามีอยู่ในห้องชนิดไหนกินไฟมากที่สุด  และในแต่ละวันเราใช้กำลังไฟไปเท่าไหร่บ้าง?




10 อันดับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุด

  1. เครื่องซักผ้าแบบมีเครื่องอบผ้า ใช้กำลังไฟฟ้า 3,000 วัตต์ 
  2. เครื่องทำน้ำอุ่น ใช้กำลังไฟฟ้า 2,500-4,500 วัตต์ (เห็นตัวเล็ก ๆ แต่กินไฟไม่เล็กนะจ๊ะ)
  3. เครื่องปรับอากาศ ใช้กำลังไฟฟ้า 1,200-3,300 วัตต์ 
  4. เตารีดไฟฟ้า ใช้กำลังไฟฟ้า 700-2,000 วัตต์ (นี่ก็จิ๋วแต่แจ๋วเหมือนกัน)
  5. เครื่องปิ้งขนมปัง ใช้กำลังไฟฟ้า 800-1,000 วัตต์ 
  6. เครื่องดูดฝุ่น ใช้กำลังไฟฟ้า 750-1,200 วัตต์
  7. หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใช้กำลังไฟฟ้า 450-1,500 วัตต์
  8. เตาอบไฟฟ้า ใช้กำลังไฟฟ้า 200-1,500 วัตต์
  9. เครื่องเป่าผม ใช้กำลังไฟฟ้า 100-1,000 วัตต์
  10. เตาไมโครเวฟ ใช้กำลังไฟฟ้า 100-1,000 วัตต์



หมายเหตุ : วัตต์ (Watt) คือหน่วยวัดของพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะสังเกตได้จากคู่มือหรือป้ายระบุของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้นๆ เช่น เครื่องดูดฝุ่นขนาด 1000 วัตต์ หากใช้งานต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง จะกินไฟ 1000 วัตต์/ชั่วโมง หรือ 1 หน่วย(ยูนิต)  

ขอบคุณข้อมูลจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค


มาดูรายการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟน้อยกันบ้าง 

  1. ชาร์จมือถือ 6 วัตต์ ชั่วโมงละ 2.4 สตางค์
  2. หลอดไฟ LED T8 16 วัตต์ ชั่วโมงบะ 6.4 สตางค์
  3. notebook 40 - 65 วัตต์ ชั่วโมงละ 16-26 สตางค์
  4. ตู้เย็น (7-10คิว) 70 - 175 วัตต์ ชั่วโมงละ 28-58 สตางค์
  5. ทีวี 80 - 180 วัตต์ ชั่วโมงละ 32-72 สตางค์
  6. เครื่องปั๊มน้ำ 150 - 200 วัตต์ ชั่วโมงละ 60-80 สตางค์


ขอบคุณข้อมูลจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค


หนึ่งในเครื่องที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดคือเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,200-3,300 วัตต์ต่อชั่วโมง ดังนั้น หากใช้เครื่องปรับอากาศโดยเปิดใช้งานตลอดเวลาจะใช้พลังงานไฟฟ้ามาก จึงควรเลือกใช้เครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง และเปิด-ปิดใช้งานตามความจำเป็น

อย่างไรก็ตาม การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมและประหยัดพลังงานไม่ได้หมายความว่าต้องลดคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายและความสามารถของเครื่อง เราอาจช่วยลดค่าไฟส่วนอื่นร่วมด้วยได้ เช่นการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่มีการจำกัดการใช้พลังงาน การใช้ไฟ LED แทนไฟหลอดธรรมดา หรือการใช้สวิตช์ปิด-เปิดไฟฟ้าตามความจำเป็น ทั้งนี้เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในห้องพักได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้




ขอบคุณภาพประกอบ จาก Freepik




#เครื่องใช้ไฟฟ้า #ค่าไฟ #กำลังไฟฟ้า #ค่าแอร์ #ประหยัดไฟ #ค่าไฟอพาร์ทเมนท์

เปลี่ยนระเบียงของคุณให้เป็นพื้นที่น่าใช้งาน

พื้นที่ระเบียงเป็นโซนที่หลายคนอาจไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะมีขนาดจำกัดตามรูปแบบของห้องพัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งนี้จะเป็นข้อจำกัดให้คุณไม่สามารถใช้พื้นที่นี้เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและผ่อนคลายได้ ไม่ว่าคุณจะมีระเบียงขนาดเล็กหรือใหญ่ มีวิธีมากมายในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่กลางแจ้งนี้ หรือคุณอาจสร้างมุมสงบเล็ก ๆ ไว้ด้านนอกระเบียงห้องของคุณก็ได้


ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยคุณเปลี่ยนระเบียงของคุณให้เป็นพื้นที่ที่น่าดึงดูดใจและมีประโยชน์เหมาะกับการใช้งาน


เริ่มต้นจากพื้นที่ที่สะอาด

ก่อนที่คุณจะเริ่มตกแต่ง สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นจากการเคลียร์พื้นที่ให้สะอาด ขจัดของที่รกระเกะระกะ ของที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้ และเก็บเศษขยะออกจากระเบียงทิ้งให้หมด


ภาพประกอบ จาก Freepik


เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ระเบียงของคุณเป็นพื้นที่ที่สะดวกสบายและน่าใช้งาน คุณอาจเลือกโต๊ะและเก้าอี้ขนาดเล็ก ม้านั่ง หรือแม้แต่เปลญวน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของระเบียงของคุณ ข้อแนะนำ ให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานกลางแจ้งและทนทานต่อสภาพอากาศเช่นแดงแดด เป็นต้น


ภาพประกอบ Unsplash


เพิ่มพื้นที่สีเขียว

การเพิ่มต้นไม้ที่ระเบียงเป็นวิธีที่ดีในการเติมชีวิตชีวาและสีสันให้กับพื้นที่ เลือกต้นไม้ที่เหมาะกับปริมาณแสงแดดและลมที่ระเบียงของคุณ คุณอาจหากระถางแบบแขวนขนาดไม่ใหญ่เพื่อประหยัดพื้นที่ หากใครที่ชอบทำอาหาร การเลือกผักสวนครัวที่ดูแลไม่อยากก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นอกจากจะทำให้ดูสบายตาจากสีเขียวแล้วยังนำมาประกอบอาหารได้อีกด้วย


การจัดแสงสำหรับช่วงเวลากลางคืน

แสงสว่างเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างพื้นที่กลางแจ้งช่วงเวลากลางคืน ลองเพิ่มไฟประดับหรือโคมไฟเพื่อสร้างบรรยากาศสบายๆ คุณอาจเลือกโคมไฟแบบที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อลดค่าไฟก็ได้


สร้างพื้นที่ความเป็นส่วนตัว

หากคุณมีเพื่อนบ้านอยู่ตรงข้ามและต้องการสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับระเบียงของคุณ การติดม่าน หรือมู่ลี่ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ในการพรางสายตาจากคนนอกได้ หรือคุณยังสามารถใช้ต้นไม้ทรงสูงเพื่อสร้างแนวกั้นแบบธรรมชาติได้เช่นกัน


ภาพประกอบ Unsplash


พื้นที่สำหรับผ่อนคลาย

สุดท้าย เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นเพื่อทำให้ระเบียงของคุณเป็นสถานที่ที่คุณอยากใช้เวลาด้วยการเพิ่มหมอนกลางแจ้งจัดชุดกับพรมกลางแจ้งผืนเล็ก หาโต๊ะญี่ปุ่นมาวางก็น่ารัก ให้พื้นที่กลางแจ้งที่สะดวกสบายเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือหรือเพลิดเพลินกับกาแฟสักถ้วย หรือแม้แต่รับประทานอาหารเย็นนอกบ้าน


การใช้พื้นที่ระเบียงให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์อาจช่วยเปลี่ยนบรรยากาศการอยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์ของคุณให้ไม่น่าเบื่อด้วยการเพิ่มเฟอร์นิเจอร์ ต้นไม้สีเขียว การตกแต่งด้วยแสงไฟ และสร้างพื้นที่ผ่อนคลาย ทั้งนี้การตกแต่งด้วยสิ่งของต่าง ๆ อาจต้องขึ้นอยู่กับขนาดของระเบียงห้องของคุณเป็นสำคัญ




#แต่งสวนระเบียง #อพาร์ทเมนท์ #ห้องพัก #จัดห้อง